บทที่ 3 วิวัฒนาการศึกษาไทย
คำถามทบทวน
1.การศึกษาไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียนมีสาระสำคัญอะไรบ้าง
ตอบ การศึกษาไทยยุคก่อนเป็นการจัดการศึกษาที่ไม่มีระบบและแบบแผน คือ ไม่มีระบบโรงเรียน และชั้นเรียน วัดเป็นแหล่งให้ความรู้ มีพระภิกษุเป็นผู้สอนเพียงเพื่อประกอบอาชีพวิชาความรู้ส่วนใหญ่ที่ถ่ายทอดไม่มีการจดบันทึกไว้ ใช้ความสามารถในการท่องจํามากกว่า
2.สมัยกรุงสุโขทัยกับกรุงศรีอยุธยาจัดการศึกษาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ตอบ ต่างกัน คือ สมัยสุโขทัย มีวัดเป็นสถานศึกษา สถานที่เรียนคือ หอฉันท์ การสอนเรียนว่า การต่อหนังสือ ไม่มีการติดต่อกับฝรั่งชาติตะวันตก สมัยกรุงศรีอยุธยา มีการจัดตั้งโรงเรียนสอนศาสนา มีการติดต่อกับฝรั่งชาวต่างชาติ และมีการประดิษฐ์ตัวพิมพ์อักษรไทย
3.อิทธิพลชาวตะวันตกที่มีผลต่อการจัดการศึกษายุคก่อนมีระบบโรงเรียนมีอะไรบ้าง
ตอบ - การค้าขายและการเผยแพร่ศาสนา
- ภัยคุกคามจากชาติตะวันตก
4.การจัดการศึกษาสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีความก้าวหน้าอย่างไร
ตอบ การจัดการศึกษาในสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์มีการเปลี่ยนแปลงไม่เด่นชัด ชาวบ้านที่มีฐานะดีและข้าราชการนิยมส่งบุตรหลานไปศึกษาเล่าเรียนที่วัดและการจัดการศึกษาตอนต้นรัตนโกสินทร์ เริ่มนําวิทยาการใหม่ ๆ จัดพิมพ์ตําราเรียน เป็นจุดเริ่มต้น
ตอบ การจัดการศึกษาในสมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์มีการเปลี่ยนแปลงไม่เด่นชัด ชาวบ้านที่มีฐานะดีและข้าราชการนิยมส่งบุตรหลานไปศึกษาเล่าเรียนที่วัดและการจัดการศึกษาตอนต้นรัตนโกสินทร์ เริ่มนําวิทยาการใหม่ ๆ จัดพิมพ์ตําราเรียน เป็นจุดเริ่มต้น
5.แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่ออะไร เกิดขึ้นในสมัยใด ตรงกับรัชกาลใด มีที่มาอย่างไร
ตอบ แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่อ “จินดามณี” เกิดในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีที่มาจากการที่สำนักหมอสอนศาสนาเริ่มมีบทบาทในการเรียนการสอนหนังสือมากขึ้นจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการปรับปรุงการเรียนการสอนภาษาไทยในสมัยสมเด็จพระนารายณ์อยู่ไม่น้อยดังที่พยายามจัดทำแบบเรียนให้เป็นมาตรฐานเพื่อใช้ในการสอนหนังสือแก่เยาวชนไทย พระโหราธิบดีจึงได้แต่งแบบเรียนชื่อ “จินดามณี” นับว่าเป็นแบบเรียนเล่มแรกของไทย
ตอบ แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่อ “จินดามณี” เกิดในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตรงกับรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีที่มาจากการที่สำนักหมอสอนศาสนาเริ่มมีบทบาทในการเรียนการสอนหนังสือมากขึ้นจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการปรับปรุงการเรียนการสอนภาษาไทยในสมัยสมเด็จพระนารายณ์อยู่ไม่น้อยดังที่พยายามจัดทำแบบเรียนให้เป็นมาตรฐานเพื่อใช้ในการสอนหนังสือแก่เยาวชนไทย พระโหราธิบดีจึงได้แต่งแบบเรียนชื่อ “จินดามณี” นับว่าเป็นแบบเรียนเล่มแรกของไทย
6.การจัดการศึกษาภาคบังคับมีลักษณะเป็นอย่างไร จงอธิบาย และให้เหตุผล
ตอบ การศึกษาภาคบังคับเป็นการศึกษาที่มีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนรู้ผิดชอบชั่วดี สามารถนำไปประกอบอาชีพ และเป็นพลเมืองที่ดี ที่สามารถนำความรู้เหล่านั้นไปพัฒนาตนเอง รวมถึงบ้านเมืองและประเทศชาติได้
ตอบ การศึกษาภาคบังคับเป็นการศึกษาที่มีจุดมุ่งหมายให้ผู้เรียนรู้ผิดชอบชั่วดี สามารถนำไปประกอบอาชีพ และเป็นพลเมืองที่ดี ที่สามารถนำความรู้เหล่านั้นไปพัฒนาตนเอง รวมถึงบ้านเมืองและประเทศชาติได้
7.การศึกษาที่เรียกว่ามาติกาศึกษาเป็นอย่างไร จงอธิบายและยกเหตุผล
ตอบ มาติกาศึกษา คือ การศึกษาที่มีวัดเป็นศูนย์กลางในการศึกษา มีอยู่ 8 มาติกา คือ
ตอบ มาติกาศึกษา คือ การศึกษาที่มีวัดเป็นศูนย์กลางในการศึกษา มีอยู่ 8 มาติกา คือ
- ตําบลที่เล่าเรียนคือที่ตั้งของวัด
- โรงเรียนคือ ที่เรียนในวัด เช่น หอฉัน หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญ กุฏิและวิหาร
- นักเรียนและครู มี 3 ประเภทคือ ภิกษุ สามเณร และศิษย์วัด
- เวลาเรียนคือ ตอนพระว่าง
- เครื่องเล่าเรียนคือ กระดานชนวน ดินสอพอ กระดาษข่ายและปากกาไม้ไผ เป็ นต้น ่
- วิชาหนังสือคือ หนังสือเรียนและหนังสืออ่านประกอบ
- วิชาเลขคือ เลขคณิตวิธีต่าง ๆ
- ข้อบังคับการเรียนคือ ระเบียบวินัย การลงโทษ และการชมเชย
8.การศึกษาที่มุ่งคนเข้ารับราชการตรงกับสมัยใด จงอธิบายและยกเหตุผล
ตอบ ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 เพราะต้องการคนที่มีความรู้เข้ามาบริหารและดูแลประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศและเพื่อประเทศของเราจะได้มีความทัดเทียมกับต่างประเทศ
9.การปฏิรูปการศึกษาในยุคปัจจุบันท่านเห็นด้วยหรือไม่ จงอธิบายและยกเหตุผล
ตอบ เห็นด้วย เพราะ การปฏิรูปการศึกษาที่นำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องกับการศึกษานั้น จะสามารถทำให้การศึกษาในประเทศของเรามีการพัฒนามากยิ่งขึ้น สามารถก้าวตามทันโลกสมัยใหม่ที่มีการพัฒนาขึ้นทุกวัน
10. ท่านเข้าใจการจัดการศึกษาสู่ยุคสมาคมอาเซียน มียุทธศาสตร์ที่สำคัญอะไรบ้าง
ตอบ มียุทธศาสตร์ที่สำคัญ คือ สร้างความตระหนัก หลักสูตรระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เตรียมบุคลากรครูและนักเรียนเพื่อรองรับ และขยายโอกาสทางการศึกษา ที่สอดคล้องกบตลาดแรงงาน ั และเศรษฐกิจของยุคโลกาภิวัตน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น