วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

วิวัฒนาการศึกษาไทย ตอนที่ 1

วิวัฒนาการศึกษาไทย ตอนที่ 1
สมัยโบราณ
มีบ้าน วัด เป็นศูนย์กลาง โดยบ้านเป็นสถานที่กล่อมเกลาจิตใจให้สมาชิกในบ้าน วัดเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งพระมีหน้าที่อบรมสั่งสอนธรรมะให้แก่พุทธศาสนิกชน ผู้ชายไทยส่วนใหญ่นิยมบวชเรียน ผู้หญิงนิยมเรียนเย็บปักถักร้อย เพื่อจะไปพัฒนาหรือดูแลครอบครัวในอนาคตต่อไป
สมัยสุโขทัย
แบ่งอออกเป็น 2 รูปแบบ คือ รูปแบบของผู้ชาย ซึ่งจะเน้นไปที่การบวชเป็นพระ การศึกษาพระธรรม การศึกษาพระไตรปิฏก  และรูปแบบผู้หญิง จะเน้นไปที่การเป็นกุลสตรีที่ดี การเป็นแม่บ้าน แม่เรือน เพื่อบ่มเพาะให้ตัวเองเป็นภรรยาที่ดีของสามี สถานที่การศึกษาในสมัยนี้ แบ่งเป็น  4 สถานที่ คือ
1.บ้าน  เป็นสถานที่เริ่มต้นของทุกคน ที่จะต้องศึกษาบ่มเพาะจากบิดา มารดา ซึ่งบิดา มารดา ก็จะมีหน้าที่บ่มเพาะให้บุตรหลานเป็นบุคคลที่ดี
2.วัด เป็นสถานที่ศึกษาสำหรับผู้ชาย ซึ่งจะเป็นสถานที่ศึกษาพระไตรปิฏก จริยธรรม คุณธรรม เพื่อเป็นการเตรียมตัวที่จะบวชในการเป็นพระสงฆ์ในศาสนาพุทธ ส่วนผู้หญิงจะไปศึกษาที่หอเรือน ซึ่งจะเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการทำอาหาร การเย็บปักถักร้อย เพื่อเตรียมตัวเป็นภายาที่ดีของสามี
3.สำนักพระราชบัณฑิต เป็นสถานที่ศึกษาของผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ เพื่อเป็นวิชาชีพที่สูงขึ้นมา
4.วัง เป็นสถานที่ศึกษาสำหรับพระราชวงศ์ จะเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการทำยุทธหัตถี การรบ และการปกครองบ้านเมือง
สมัยอยุธยา
แบ่งออกเป็น  2 แบบ คือ แบบทหารและแบบพลเรือน
แบบทหาร ส่วนมากจะเรียนการใช้ดาบ การใช้ง้าว ใช้ศาสตราวุธต่างๆ รวมทั้งเรียนการขี่ช้าง ขี่ม้า ศึกษาตำราพิชัยยุทธต่างๆ  เพื่อนำไปปกป้องการรุกรานจากต่างประเทศ
แบบพลเรือน  พลเรือนชายส่วนมากจะบวชเรียนและได้เรียนเกี่ยวกับเลข ภาษา และโหราศาสตร์ โดยมีคำพูดที่ว่าถ้าไม่บวชเรียนจะไม่ได้รับราชการ ส่วนพลเรือน หญิงเรียนไปเพื่อออกเรือน ส่วนมากจะเรียนเกี่ยวกับการเย็บปักถักร้อย ทำอาหาร แกะสลัก เป็นต้น
ในสมัยนี้จะมีการสร้างหนังสือจินดามณีขึ้นใสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชและมีการตั้งโรงเรียน
มิชชั่นนารีขึ้นเป็นครั้งแรก
สมัยธนบุรี
ถึงจะมีสงครามเกิดขึ้น แต่ก็มีการทำนุบำรุงการศึกษาอยู่เสมอ การศึกษาในสมัยนี้ยังคงมีลักษณะเช่นเดียวกับสมัยอยุธยา คือ บ้านและวัดยังคงมีบทบาทเหมือนเดิม
สมัยรัตนโกสินทร์
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้จัดการศึกษาไว้ โดยให้เด็กชายไทยนั้นเข้าวัด เพื่อเรียน อ่าน และเขียน ได้รู้ถึงพิธีกรรม และหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ส่วนชนชั้นขุนนางจะในเรื่องของการเรียนปรัชญา เครื่องกล เครื่องมือ และกลไก แต่ในยุคสมัยนี้ยังไม่ส่งเสริมให้สตรีไทยได้รับการศึกษาอย่างมากนัก แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังอ่านและเขียนได้
สมัยใหม่
มีการนำเอาการศึกษาของตะวันตกเข้ามาเกี่ยวข้องในประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยได้ปรับตัวเข้ากับอารยธรรมตะวันตกได้และได้มีการเลิกทาส จึงทำให้เกิดความเท่าเทียมกันในการศึกษาและได้มีการให้ความสำคัญอยู่ที่สถาบันการศึกษา และในปัจจุบันไม่มีการเฆี่ยนตีเกิดขึ้นแล้ว เพราะเด็กได้รับสิทธิพิเศษหรือได้รับสิทธิเสรีภาพในการไม่ถูกเฆี่ยนตี จึงทำให้เด็กไม่สนใจในการเรียน และยิ่งในปัจจุบันเด็กมีการหันไปสนใจคอมพิวเตอร์มากขึ้น ทำให้ความสำคัญของการศึกษาภายในโรงเรียนลดน้อยลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น